17 หยินหยางของแง่มุมทั้ง5 เงินทอง อำนาจ ทรัพยากร สติปัญญา มิตรสหาย

ก่อนหน้านี้เราได้รู้จักหลักการทำงานพื้นฐานของจตุสดมภ์แห่งโชคชะตากันไปแล้ว ตอนนี้เราจึงมีความรู้เพียงพอที่จะทำการวิเคราะห์โชคชะตาของบุคคลโดยละเอียดอย่างเป็นเหตุเป็นผลในแง่ของธรรมชาติโดยทั่วไป บุคลิกภาพ ทิศทางด้านอาชีพการงาน โชคดีและโชคร้าย ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชีวิตและความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเรื่องที่ซับซ้อน จึงทำให้มีความหลากหลายที่ไม่รู้จบและมีข้อมูลมากมายที่เราสามารถดึงออกมาได้จากข้อมูลการเกิดของบุคคล ในตอนนี้จะให้คำอธิบายที่ชัดเจนและหลากหลายสำหรับการวิเคราะห์ เพื่อให้เราได้มาซึ่งรายละเอียดและความแม่นยำมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อทำนายข้อมูลการเกิดของบุคคล

 

ดังที่ได้เคยอธิบายไว้ในตอนก่อน ๆ เกี่ยวกับวิธีตีความธาตุต่างๆ ของวันเกิดของบุคคลออกเป็น 5 แง่มุมของชีวิต แง่มุม เหล่านี้คือ 1เงินทอง 2อำนาจ 3ทรัพยากร 4สติปัญญา และ 5มิตรสหาย ในตอนนี้เราจะลงลึกในเรื่องแง่มุมทั้ง 5 นี้ และสามารถตรวจสอบแง่มุมเหล่านี้ในชีวิตของบุคคลในรายละเอียดมากยิ่งขึ้น

 

แต่ละธาตุทั้งห้ามีส่วนที่เป็นหยินและเป็นหยาง ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นธาตุเดียวกัน เช่น ธาตุไม้ แต่ธาตุไม้หยางก็มีความหมายที่แตกต่างจากธาตุไม้หยิน สมมติว่าตัวอย่างของเราคือคนธาตุโลหะหยาง ภาพข้างล่างนี้แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างธาตุที่เป็นหยิน และธาตุที่เป็นหยางสำหรับคนคนนี้

ภาพข้างบนแสดงให้เห็นความแตกต่างที่อยู่ในความหมายของแง่มุมทั้ง 5 ตามความสัมพันธ์ของหยางและหยิน ในกรณีของคนธาตุโลหะหยาง ไม้คือเงินทอง แต่ยังมีความแตกต่างระหว่างความหมายของธาตุไม้หยางและธาตุไม้หยินอีกด้วย

 

หากคนธาตุโลหะหยางมีธาตุไม้หยิน จะหมายถึงรายได้ธรรมดา เช่น เงินเดือน แต่หากคนธาตุโลหะหยางมีธาตุไม้หยางก็จะเป็นเงินทองที่คาดไม่ถึง หรือเงินทองที่ได้มาจากการเสี่ยงโชค ดังนั้นแบบหลังจึงเหมาะสำหรับผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจมากกว่า ด้วยเหตุนี้ คนที่จะประสบความสำเร็จถึงขั้นผู้ประกอบการนั้น จำเป็นจะต้องมี  "เงินทองที่ได้มาโดยไม่คาดฝัน" ปรากฎอยู่บนกิ่งสวรรค์ของจตุสดมภ์ “เงินทองที่คาดไม่ถึง”  นี้ยังเกี่ยวพันกับโชคด้านการพนันอีกด้วย หากคนเราไม่มี "เงินทองที่ได้มาโดยไม่คาดฝัน" ปรากฏอยู่ในจตุสดมภ์ โดยทั่วไปแล้วมักจะไม่ค่อยมีโชคด้านการทำเงินจากการพนันหรือการซื้อลอตเตอรี่สักเท่าไหร่

 

สำหรับธาตุแห่งอำนาจ ธาตุโลหะหยางจะให้ธาตุไฟหยินเป็น "อำนาจธรรมดา" ซึ่งหมายความถึงอำนาจและสถานะในระดับปานกลาง อย่างเช่น ผู้จัดการ หรือข้าราชการ แต่โลหะหยางจะถือว่าธาตุไฟหยางเป็น "อำนาจที่เต็มพิกัด" ซึ่งเป็นอำนาจที่รุนแรงและแข็งกร้าวกว่า และมีความเกี่ยวพันกับอำนาจทางการทหารหรืออำนาจของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์  ดังนั้นคนที่มี "อำนาจเต็มพิกัด" ปรากฏอยู่ในกิ่งสวรรค์จะมีลักษณะแข็งกร้าวและเผด็จการ หากเจ้านายหรือผู้นำมีธาตุแห่ง "อำนาจ" เต็มพิกัด" เช่นนี้ อาจจะทำให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชารู้สึกหวั่นเกรง

 

ทรัพยากรมีสองแบบเช่นกัน คนธาตุโลหะหยางจะมองว่าธาตุดินหยินเป็น "ความรู้ธรรมดา" คือความรู้ทั่วๆ ไปตามสายสามัญที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากโรงเรียนหรือวิทยาลัยทั่วๆ ไป เช่น ธุรกิจ วิศวะ บัญชี ฯลฯ แต่ถ้าคนธาตุโลหะหยางมีธาตุดินหยางอยู่ในจตุสดมภ์ ก็หมายความว่าคนคนนั้นมี "ความรู้นอกกฎเกณฑ์" ซึ่งอาจจะหมายถึงสาขาวิชาอื่นๆ ที่พิเศษออกไปเช่น อายุรเวททางเลือก เวชศาสตร์ทางเลือก หรือแม้กระทั้งฮวงจุ้ยและโหราศาสตร์ก็อยู่ในประเภท "ความรู้ที่อยู่นอกกฎเกณฑ์" ทรัพยากรที่ไม่เป็นไปตามแบบแผนนี้ยังครอบคุมไปถึงเรื่องของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพราะสื่อความหมายว่าคนคนนั้นสามารถที่จะคิดให้แตกต่างจากคนทั่วๆ ไปได้

 

ธาตุแห่งสติปัญญาหมายถึงวิธีที่เราแสดงออก คนบางคนแสดงออกแต่พอประมาณและสงวนท่าที แต่บางคนเป็นคนที่ยืนกรานในความคิดหรือความรู้ของตัวเองอย่างดึงดันในลักษณะที่เด็ดขาดและแสดงอำนาจ ดังนั้นแบบหลังจึงเรียกว่า “สติปัญญาที่ดึงดัน” หากธาตุน้ำหยางปรากฎอยู่ในกิ่งสวรรค์ ก็จะเป็นสติปัญญาที่แสดงออกในระดับพอประมาณและถ่อมตัว"สติปัญญาที่ดึงดัน" ยังถูกเรียกอีกอย่างว่า "เป็นภัยต่อผู้นำ" เนื่องจากสติปัญญาเป็นธาตุที่ทำลายอำนาจ ยกตัวอย่างเช่น

สำหรับคนธาตุโลหะ สติปัญญาจะเป็นธาตุน้ำ อำนาจเป็นธาตุไฟ น้ำจึงชนะไฟ ซึ่งเท่ากับสติปัญญาโจมตีอำนาจ ดังนั้น หากเจ้านายกำลังมองหาลูกน้องที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่ง ก็ไม่ควรจะจ้างคนที่มี "สติปัญญาที่ดึงตัน" หรือ "เป็นภัยต่อผู้นำ" เนื่องจากคนประเภทนี้จะต่อต้านและไม่เชื่อฟังเจ้านาย

 

หาก "สติปัญญาที่ดึงตัน" ปรากฎอยู่ในจตุสดมภ์ของผู้หญิง ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า "เป็นภัยต่อสามี" ที่เป็นเช่นนี้เพราะธาตุแห่งสติปัญญาเป็นตัวทำลายธาตุแห่งอำนาจ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แทนสามีด้วย ในสมัยโบราณ เวลาที่คนใช้จตุสดมภ์ในการเลือกคู่ พวกเขาจะไม่แนะนำให้ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงที่มีธาตุ "เป็นภัยต่อสามี" เพราะในสมัยโบราณ ผู้หญิงไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ดังนั้นสติปัญญาของพวกเธอจะถูกนำมาใช้แต่ในการ "ทำร้ายสามี" แต่ทุกวันนี้ในสังคมที่ทันสมัย ผู้หญิงก็ประกอบอาชีพการงานด้วย ดังนั้นธาตุแห่งสติปัญญาจึงสามารถนำมาใช้ในด้านหน้าที่การงานของพวกเธอ และไม่เป็นภัยต่อสามีอีกต่อไป

 

สำหรับเพื่อนร่วมงานและมิตรสหาย จะเป็นธาตุเดียวกันกับธาตุประจำตัว และยังมีข้อแตกต่างระหว่างธาตุแห่งมิตรสหาย หยางและหยิน ในกรณีของคนธาตุโลหะทยาง จะมองว่าธาตุโลหะหยางเป็นเพื่อน "เคียงบ่าเคียงไหล่" ซึ่งหมายถึงเพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานในระดับหรือสถานะเดียวกัน ไม่เป็นภัยแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่คนธาตุโลหะหยางเผชิญกับธาตุโลหะหยิน แบบนี้เรียกว่า "ลักขโมยเงิน' ดังนั้นจึงหมายถึงศัตรูหรือคู่แข่ง ที่เป็นเช่นนี้เพราะเงินทองที่เหมาะสมของธาตุโลหะหยางคือธาตุไม้หยิน และธาตุไม้หยินเข้ากันได้กับธาตุโลหะหยางในกิ่งสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่มีความขัดแย้งระหว่างโลหะหยางและเงินธาตุไม้หยิน ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่า "เคียงบ่าเคียงไหล่" แต่ธาตุไม้หยินและธาตุโลหะหยินจะปะทะกันและธาตุโลหะหยินจะทำลายธาตุไม้หยิน ด้วยเหตุนี้ธาตุโลหะหยางจึงมองว่าธาตุโลหะหยินเป็น "ลักขโมยเงิน"

 

โดยทั่วไปแล้ว คนที่มีธาตุที่อยู่นอกกฎเกณฑ์มักจะโดดเด่นกว่าคนที่มีธาตุธรรมดา เหตุผลง่ายๆ คือคนที่มีธาตุที่ไม่เป็นไปตามแบบแผนจะคิดและทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น ๆ ดังนั้นคนเหล่านี้ก็จะมีจิตใจที่ชอบสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ มากกว่า และมีพฤติกรรมที่โดดเด่นกว่า ตัวอย่างต่อไปนี้คือจตุสดมภ์ของบิล เกตส์

บิล เกตส์, 28 ตุลาคม 1955 (2498)

บิล เกตส์ เป็นคนธาตุน้ำหยาง ดังนั้นธาตุไม้หยิน ธาตุไฟหยาง และธาตุโลหะหยางที่ปรากฏบนกิ่งสวรรค์ของเขาจึงเป็นธาตุที่อยู่นอกกฎเกณฑ์ทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมี "สติปัญญาที่ดึงตัน" บนสดมภ์ปี มี "เงินทองที่ไม่คาดฝัน" ในสดมภ์เดือนและมี "ความรู้ที่ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์" ที่สดมภ์ยาม ธาตุเหล่านี้ทำให้เขาเป็นคนโดดเด่น เป็นนักประดิษฐ์ มีการแสดงออกที่มาดมั่น และสามารถทำเงินได้จากการประกอบธุรกิจ

 

เรามาพิจารณาเรื่องธรรมชาติและความสัมพันธ์ระหว่างแง่มุมทั้งห้าของชีวิตกันอีกครั้ง ดังที่แสดงไว้ในวงจรกำเนิดและวงจรทำลายของธาตุทั้งห้า ความสัมพันธ์เช่นนี้จะเข้าใจง่ายขึ้นหากดูจากภาพนี้

 

วงจรกำเนิดและวงจรทำลายของแง่มุมทั้ง 5

วงกลมนี้แสดงให้เห็นวงจรกำเนิด สมมติว่าเป็นคนธาตุไม้ ไม้สร้างไฟ ดังนั้นไฟจึงเป็นธาตุแห่งสติปัญญา จากนั้นไฟสร้างดิน และดินคือธาตุแห่งเงินทองสำหรับคนธาตุไม้ ลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นว่าเราจำเป็นต้องมีสติปัญญาและความชำนาญในการทำเงิน หากคนคนหนึ่งมีธาตุแห่งเงินทองมากมายแต่ไม่มีธาตุแห่งสติปัญญา เงินก็จะไม่แข็งแกร่ง และคนคนนั้นจะไม่สามารถเป็นผู้ประกอบการได้ คนประเภทนี้โดยทั่วไปจะทำงานเกี่ยวกับเงิน เช่น ทำงานในธนาคารหรือธุรกิจการเงิน หรือธุรกิจการบัญชี หรือแม้กระทั่งเป็นผู้บรรยายเรื่องการเงิน แต่จะไม่ใช่ประเภทผู้ประกอบการ คนเหล่านี้จะขาดทัศนคติของความดึงดันและการเป็นนักเสี่ยงโชคในการทำเงินที่มีความเสี่ยง

 

ในส่วนต่อไปของวงจร เราจะเห็นธาตุดินสร้างโลหะ โลหะคือธาตุแห่งอำนาจสำหรับคนธาตุไม้ แสดงให้เห็นว่าเงินเกื้อหนุนอำนาจ ซึ่งหมายความว่าอำนาจจะแข็งแกร่งได้ก็ต่อเมื่อได้รับการเกื้อหนุนจากเงินเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่าอำนาจทางการเมืองที่มั่นคงและแข็งแกร่งควรจะได้รับการเกื้อหนุนจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีเศรษฐกิจที่อ่อนแอมักจะก่อให้เถิดปัญหาทางการเมืองแม้กระทั่งนำมาซึ่งการล้มล้างระบอบการปกครอง ดังนั้นอำนาจที่ปราศจากเงินจึงไม่ถือเป็นอำนาจที่แข็งแกร่งโดยแท้จริง

 

ธาตุต่อไปในวงจรคือธาตุโลหะสร้างธาตุน้ำ และน้ำคือทรัพยากรของไม้ ดังนั้นอำนาจจึงเป็นตัวส่งเสริมทรัพยากร คำว่าทรัพยากรในคำเรียกเฉพาะของภาษาจีนแต่ดั้งเดิมจะเรียกว่า "ตราประทับ" หรือ "ตราผนึก" ซึ่งเป็นวัตถุที่เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจหน้าที่ในการแสดงอำนาจ (หรืออิทธิพล) ดังนั้นอำนาจหน้าที่จึงได้รับการเกื้อหนุนจากอำนาจ (อิทธิพล) หากไม่มีอำนาจ (อิทธิพล) อำนาจหน้าที่ก็จะอ่อนแอ ทรัพยากรเป็นธาตุที่เกื้อหนุนธาตุประจำตัว และความเกี่ยวข้องกันคืออำนาจ (อิทธิพล) ส่งเสริมทรัพยากร ทรัพยากรส่งเสริมธาตุประจำตัว ลักษณะเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เจ้านายมอบหมายอำนาจหน้าที่ให้กับคนคนหนึ่ง และคนคนนั้นก็จะสามารถทำงานให้เสร็จลุล่วงได้โดยการสนับสนุนจากเจ้านาย

 

คราวนี้เรามาดูวงจะทำลายกันบ้าง เส้นของวงจรทำลายแสดงเป็นรูปดาวอยู่ภายในวงกลม เริ่มจากธาตุไม้ซึ่งเป็นธาตุประจำตัวไม้ทำลายดิน ดินเป็นธาตุแห่งเงินทอง ดินไปทำลายน้ำในลำดับถัดไป น้ำเป็นทรัพยากรของไม้ ดังนั้นเงินจะทำลายทรัพยากร ทั้งนี้เพราะเงินคือความละโมบ ทรัพยากรคือคุณธรรมและหลักการ คนที่โลภเกินไปจะทรยศต่อหลักการและคุณธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การฉ้อโกง การมีเงินมากเกินไปก็จะไปทำลายทรัพยากร ทรัพยากรคือการศึกษาและความรู้ เงินคือธุรกิจและการค้าขาย ทั้งสองอย่างนี้ไปด้วยกันไม่ได้ เพราะอย่างนี้จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงมักจะเห็นนักวิชาการหรือนักทฤษฎีทำธุรกิจได้ไม่ดีนัก และนักธุรกิจที่เก่ง ๆ ก็มักไม่ได้เก่งกาจในเชิงวิชาการหรือการเรียนรู้ เป็นเรื่องจริงที่ว่าหากคนคนหนึ่งมีโชคด้านการเงินมากเกินไป สิ่งนี้จะก่อให้เกิดการหันเหความสนใจและทำให้คนคนนั้นยากที่จะมีสมาธิในการเรียนได้

 

ธาตุต่อไปในวงจรทำลายคือธาตุน้ำทำลายธาตุไฟ น้ำคือทรัพยากร ไฟคือสติปัญญา จึงหมายความว่าทรัพยากรทำลายสติปัญญา ที่เป็นเช่นนี้เพราะทรัพยากรคือการคิดอย่างรอบคอบ อนุรักษ์นิยม ส่วนสติปัญญาคือการกระทำและความเชื่อมั่นสูง การมีทรัพยากรมากเกินไปจึงหมายความว่าคนคนนั้นเป็นคนหัวโบราณ คิดอะไรละเอียดถี่ถ้วนมากเกินไปจนสูญเสียโอกาสที่จะได้ลงมือทำ  ในทางกลับกันการมีสติปัญญามากเกินไปหมายถึงคนคนนั้นจะรีบลงมือทำทันทีโดยไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน วิธีที่ดีที่สุดคือต้องสร้างปริมาณที่สมดุลระหว่างทรัพยากรและสติปัญญา การมีทรัพยากรมากเกินไปจะไปกดสติปัญญา หมายความว่าคนคนนั้นจะขี้ระแวง หัวเก่า และครุ่นคิดมากเกินไป จนทำให้สูญเสียโอกาสที่จะได้ลงมือปฏิบัติ สติปัญญายังมีความเกี่ยวข้องกับอิสระในการกระทำและการแสดงออก หากทรัพยากรกดสติปัญญามากเกินไปก็จะถึงขั้นที่ทำให้คนเราขาดอิสระได้ ซึ่งอาจจะหมายถึงความกดดัน และแม้กระทั่งการถูกกักขัง ดังที่เราได้เห็นตัวอย่างของเฮอริเคน คาร์เตอร์ ในตอนที่แล้ว

 

ธาตุแห่งสติปัญญาซึ่งก็คือธาตุไฟในกรณีนี้จะทำลายโลหะ และโลหะก็คืออำนาจ เห็นได้ชัดว่าเมื่อสติปัญญาคืออิสรภาพอำนาจก็คือระเบียบวินัยและการควบคุม กฎข้อบังคับต่างๆ เจ้านาย ดังนั้นทั้งสองจึงขัดแย้งกัน คนที่มีธาตุแห่งสติปัญญาอยู่มากจะไม่ชอบถูกควบคุมหรืออยู่กายใต้การปกครองของเจ้านายหรืออยู่ภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์มากมาย ดังนั้นธาตุแห่งสติปัญญาจึงเป็นธาตุที่พยศอีกด้วย พวกเขาพร้อมที่จะท้าทายเจ้านายหรือองค์กร ด้วยเหตุนี้ หากเราต้องการจ้างลูกน้องที่เชื่อฟังคำสั่งก็ไม่ควรจะเลือกผู้สมัครที่มีธาตุแห่งสติปัญญามากเกินไป เพราะคนประเภทนี้จะไม่ชอบปฏิบัติตามคำสั่ง ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าคือคนที่มีธาตุแห่งเงินทองจำนวนมาก เพราะเงินเป็นธาตุที่สนับสนุนอำนาจ ซึ่งก็คือเจ้านาย แต่สติปัญญาเป็นธาตุที่โจมตีและทำลายเจ้านาย

 

ธาตุสุดท้ายก็คือโลหะทำลายไม้ซึ่งเป็นธาตุประจำตัว ลักษณะเช่นนี้หมายความว่าอำนาจจะทำลายเจ้าตัว ธรรมชาติของอำนาจ คือผู้ทำลาย ดังนั้นเราควรระวังตัวเมื่อเล่นกับอำนาจ วิธีเดียวที่จะทำให้เราได้รับประโยชน์จากอำนาจคือคนคนนั้นจะต้องมีธาตุทรัพยากรที่พอเพียง เนื่องจากหากมีทรัพยากร อำนาจก็จะส่งเสริมทรัพยากร และทรัพยากรก็จะส่งเสริมเจ้าตัว

 

การจัดการกับธาตุแห่งอำนาจให้ได้ผลดี คนคนนั้นจะต้องมีทรัพยากร เมื่อไม่มีทรัพยากร อำนาจก็จะโจมตีเจ้าตัว ด้วยเหตุนี้คนที่ไม่มีธาตุทรัพยากรจึงมักต้องเจอกับเจ้านายที่เกรี้ยวกราดในชีวิตการทำงาน เจ้านายแบบนี้จะทำให้รู้สึกกดดันและคนคนนั้นจะไม่รู้สึกถึงผลประโยชน์ที่ได้รับ อย่างไรก็ตามคนที่มีธาตุทรัพยากรมักจะได้เจ้านายที่ดี ได้รับการตอบแทนอย่างสมเหตุสมผลด้วยการสนับสนุนและผลประโยชน์ต่างๆ 

 

สำหรับผู้หญิง ธาตุแห่งอำนาจยังเป็นสัญลักษณ์แทนผู้ชายอีกด้วยดังนั้นผู้หญิงที่ไม่มีทรัพยากรจึงมักจะเจอผู้ชายหยาบกระด้างที่ปฏิบัติต่อเธอไม่ดีหรือแม้กระทั่งทุบตีและทำร้ายร่างกายพวกเธอ   อย่างไรก็ตามเมื่อผู้หญิงเข้าสู่ช่วงสดมภ์แห่งโชคของธาตุทรัพยากร เธอจะพบว่าผู้ชายที่เธอพบเจอปฏิบัติต่อเธอดีขึ้นและสุภาพขึ้น

 

 

ก่อนที่เราจะจบการพิจารณาเรื่องแง่มุมทั้ง 5 ของชีวิต ยังมีพฤติกรรมหรือโชคชะตาอีกแบบหนึ่งซึ่งมีให้เห็นเยอะมากในสังคมสมัยใหม่ เราได้เห็นแล้วว่าอำนาจทำลายล้างเจ้าตัว และเจ้าตัวจะปลอดภัยจากการถูกทำลายหากมีธาตุทรัพยากรเข้ามาช่วยสลายธาตุแห่งอำนาจ อย่างไรก็ตามในกรณีที่ธาตุทรัพยากรไม่มีอยู่จริงๆ คนคนนี้ควรจะทำอย่างไรจึงจะอยู่รอดได้ ทางเลือกเดียวคือโต้ตอบอำนาจ ในโลกแห่งการทำงาน มีคนที่หลักแหลมและเก่งกาจมากๆ คนที่เป็นเจ้านายจะไม่ชอบคนประเภทนี้ แต่ก็ไม่สามารถไล่คนคนนี้ออกไปได้เพราะกลัวว่าจะสูญเสียความสามารถที่คนคนนี้มี ดังนั้นหากคนคนนั้นมีสติปัญญาสูง ก็จะเป็นคนประเภทที่อยู่รอดได้

 

 

ปรากฏการณ์เช่นนี้ยังเกิดขึ้นบ่อยในความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง  ธาตุแห่งอำนาจคือผู้ชาย ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วจะทำลายผู้หญิง อย่างไรก็ตาม หากผู้หญิงมีทรัพยากร ผู้ชายจะเกื้อหนุนทรัพยากรและเอื้อประโยซน์ต่อผู้หญิง ในกรณีที่ผู้หญิงไม่มีทรัพยากรแต่เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมาก เธอจะใช้สติปัญญาของเธอในการปกป้องตัวเธอจากการถูกธาตุแห่งอำนาจโจมตี และยังสามารถทำสำเร็จได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 


ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยในวงการบันเทิง เพราะดาราและนักแสดงมักจะมีธาตุแห่งสติปัญญามากกว่าธาตุทรัพยากร ดังนั้นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดเช่นนี้จึงมักจะประสบความสำเร็จด้วยการบริหารไหวพริบของพวกเธอสำหรับบงการผู้ที่ทำลายพวกเธอ ซึ่งก็คือผู้ชายนั่นเอง อย่างไรก็ตามการที่จะทำสำเร็จได้นั้นหมายความว่าธาตุแห่งสติปัญญาจะต้องแข็งแกร่ง หากไม่แข็งแกร่งพอที่จะโต้กลับอำนาจ ก็จะกลายเป็นปฏิปักษ์กับธาตุแห่งอำนาจและจะเป็นอันตราย

 

เรามาดูจตุสดมภ์ของมาริลิน มอนโร่ ข้างล่างนี้

มาริลิน มอนโร , 1 มิถุนายน 1926 (2469)

เธอเป็นผู้หญิงธาตุโลหะอ่อนที่ไม่มีทรัพยากร ธาตุไฟในจตุสดมภ์ของเธอคืออำนาจซึ่งคุกคามและทำลายธาตุโลหะประจำตัวเธอ ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้คือใช้ธาตุน้ำในสดมภ์เดือนของเธอมาต่อสู้กับไฟ ซึ่งจะทำได้สำเร็จเมื่อน้ำแข็งแกร่งพอ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเข้าสู่สดมภ์แห่งโชคของธาตุไม้ ไม้ได้บั่นทอนน้ำของเธอและเสริมความแข็งแกร่งให้กับไฟ ดังนั้นน้ำจึงอ่อนแรงเกินกว่าที่จะต่อสู้กับไฟที่แรงจนไม่อาจต้านทานได้ และนี่เองที่นำมาซึ่งหายนะในท้ายที่สุด และเธอมีแนวโน้มที่จะถูกปลิดชีวิตด้วยไฟซึ่งเป็นธาตุแห่งอำนาจ เธอเสียชีวิตในปี 1962 (2505) ซึ่งเป็นปีขาล (ไม้) และช่วงเวลานี้เอง เธอมีอายุ 36 ปี เมื่อเธอเข้ามาอยู่ในสดมภ์แห่งโชคของนักษัตรขาล

 

เราจะเห็นได้ว่าธรรมชาติชองธาตุทั้ง 5 ซึ่งแปลงออกมาเป็นแง่มุมทั้ง 5 ของชีวิตผูกติดกับประสบการณ์ชีวิตของเราอย่างเหนียวแน่น และนี่คือความงดงามของจตุสดมภ์แห่งโชคชะตาซึ่งสามารถอธิบายทุกความซับซ้อนของชีวิตมนุษย์ได้อย่างเป็นตรรกะด้วยหลักการของธาตุทั้ง 5 ง่ายๆ นี้เอง

 
Visitors: 165,319